(จากเอกสารอ้างอิง > Vitamin Bible)
กรดไขมันโอเมก้า-3 เป็นส่วนประกอบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของปลาและน้ำมันจากปลา EPA (Eicosapantaenoic acid) และ DHA (Docosahexaenoic acid) ไขมันที่ดีเหล่านี้มีอยู่ในไข่ด้วย แต่ปริมาณน้อยกว่า และมีการค้นพบว่า ไขมันโอเมก้า-3 อาจมีคุณสมบัติในการป้องกันและรักษาที่ยอดเยี่ยมมาก
+ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ที่เป็นอันตราย ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายเฉียบพลัน และเส้นเลืดในสมองแตก
+ ช่วยป้องกันอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
+ ลดความหนืดของเกล็ดเลือด และลดปริมาณสารไฟบรินในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในกระแสเลือด
+ ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม และอาจช่วยในการรักษาด้วย
+ ช่วยบรรเทาอาการคันและแห้งของโรคสะเก็ดเงิน
+ ลดการต่อต้านเนื้อเยื่อที่ปลูกถ่ายในผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
+ ช่วยในการลดความถี่และความรุนแรงของโรคปวดศีรษะไมเกรน
+ ต่อต้านผลร้ายจากสารโพรสตาแกลนดิน (ซึ่งลดภูมิต้านทานและเพิ่มการเติบโตของเนื้องอก) และช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม
+ ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
+ ช่วยให้ผิว ผม และเล็บ มีสุขภาพดี
+ ช่วยบรรเทาอาการโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
(จากเอกสารอ้างอิง > Braden LM, The Carroll KK. Dietary polyunsaturated fat relation to mammary carcinogenesis in rats, Lipids 1986; 21(4): 285.
> Harris WS, Zucker ML, Dujuvne CA. Omega-3 fatty acids in type IV hyperlipidemia: Fish oils vs methyl esters. Am J Clin Nutr 1987 ; 45(4): 858
> Leaf A, Weber PC. Cardiovascular effects of n-3 fatty acids. N Engl J Med 1988; 318: 549-57)
+ สกัดได้จากเนื้อปลาทะเลหลายชนิด ได้แก่ ฮอร์ริ่ง, สปราท์, ซาดีน, แองโชวี่, แซลมอน และกลูเปีย
+ ให้กรดไขมันจำเป็นกลุ่มโอเมก้า 3 ในปริมาณที่สูง ได้แก่
๐ EPA (Eicosapantaenoic acid) มีคุณสมบัติในการลดไขมันไตรกลีเซอไรด์และวีแอลดีแอล โคเลสเตอรอล (VLDL Cholesterol) ในเลือด ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และยังป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคสมองและหัวใจขาดเลือด และโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
๐ DHA (Docosahexaenoic acid) เป็นกรดไขมันที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของสมองและดวงตา ช่วยเสริมสร้างการพัฒนาการทางสมอง การเรียนรู้ ความจำ ตลอดจนระบบสายตาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
+ บรรเทาอาการปวด บวม อักเสบ ในผู้ป่วยไขข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
+ ผิวพรรณชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง
Cod Liver Oil (น้ำมันตับปลา)
(จากเอกสารอ้างอิง > Elsan M. Hass, M.D., Staing Healthy with Nutrition. 1st. edition, New York, 1992.99)+ ให้วิตามิน เอ (Vitamin A) และวิตามิน ดี (Vitamin D) สูง จึงช่วยให้ระบบการแบ่งตัวของเซลล์ให้เป็นไปตามปกติ และยังช่วยในการเจริญเติบโตของเด็ก
+ ป้องกันการติดเชื้อและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
+ เพิ่มการดูดซึมแคลเซียม (calcuim) และฟอสฟอรัส (Phosphorus) บำรุงสุขภาพกระดูกและฟัน
+ บรรเทาอาการของโรคต้อกระจกในผู้ป่วยเบาหวาน
+ ช่วยให้การมองเห็นภาพในเวลากลางคืนชัดขึ้น ป้องกันโรคตาบอดกลางคืน
+ บำรุงเซลล์ผิวพรรณ ช่วยให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม เปล่งปลั่งสดใส
Flax Seed Oil (น้ำมันเมล็ดลินิน)
(จากเอกสารอ้างอิง > Abbey M, Cliftton P, Kestin M, et.al. Effects of fish oil on lipoproteins, lecithin: cholesterol acyltransferase, and lipidtransfer protein activity in humans, Asterioscler 1990; 10: 85-94.
> Sanders TAB, Roshanai F. The influence of different types of omega 3 polyunsaturated fatty acids on blood lipids and platelet function in healthy volunteers, Clin Sci 1983; 64: 91)
+ ให้กรดไขมันจำเป็นกลุ่มโอก้า-3 ในปริมาณที่สูง ได้แก่ EPA (Eicosapantaenoic acid) และ DHA (Docosahexaenoic acid)
+ ช่วยควบคุมระดับคลอเรสเตอรอล (Cholesterol) และ ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ในเลือด
+ ลดการเกาะตัวขอเกร็ดเลือด (platelet Aggregation) ทำมห้เพิ่มการไหลเวียนของเลือด จึงช่วยลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด และช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต
+ DHA ช่วยให้เซลล์ประสาทที่เกี่ยวข้องกับความจำเป็นมีขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น
+ บรรเทาอาการปวด บวม อักเสบ ในผู้ป่วยไขข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
+ ให้สาร Lignan ซึ่งมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส และยังเชื่อว่า Lignan จะเปลี่ยนเป็นสารที่ช่วยป้องการการเกิดมะเร็งในลำไส้ได้
Evening Primrose Oil (น้ำมันดอกอีฟนิ่งพริมโรส)
(จากเอกสารอ้างอิง > Horrbin DF, The important of gamma-linoleic acid and prostaglandin E1 in human nutrition and medicine, J Holistic Med 1981; 3: 118-39.
> Kleen H, Payan J, et al. Treatment of diabetic neropathy with gamma-linolenic acid, Diabetes Care 1993; 16:8-15)
+ ให้กรดไขมันจำเป็นกลุ่มโอก้า-6 ได้แก่ กรดไลโนเลอิก (Linoleic acid) และกรดแกมมาไลโนเลนิก (Gamma-Linolenic acid)
+ ลดอาการปวดเกร็งในช่องท้อง ในระยะก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual Syndrome)
+ ช่วยให้เส้นลือดบริเวณผิวหนัง (Peripheral Blood Vessel) ขยายตัว ทำให้เลือดไปเลี้ยงเซลล์ผิวหนังมากขึ้น และส่งผลให้สุขภาพผิวหนังดีขึ้น เปล่งปลั่ง แลดูมีน้ำมีนวล+ ลดการอักเสบของผิวหนัง (Eczema) และบรรเทาอาการแสบคันจากผิวหนังแตกแห้ง
+ ช่วยควบคุมระดับคลอเรสเตอรอล (Cholesterol) ในเลือด ให้อยู่ในระดับปกติ
+ ลดอาการปวดศรีษะไมเกรน (Migrane) และบรรเทาอาการปวดตามข้อ
+ ให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
* ผลต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย เช่น ภูมิคุ้มกันเซลล์
* ต่อต้านการเกิดเนื้องอก
* ผลต่อเลือด หัวใจและระบบสมอง เช่น ต้านทานเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจ การไหลเวียนของเลือด พัฒนาระบบไหลเวียนเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อหัวใจ รักษาอาการที่เกิดจากการอักเสบที่ลำคอจนหายใจไม่ออก ส่งเสริมการทำงานของหัวใจ เพิ่มการยืดหยุ่นของเส้นเลือด ป้องการเกิดลิ่มในเส้นเลือด ลดไขมันในเส้นเลือด
* ผลต่อระบบเลือด เช่น เสริมสร้างเซลล์ เพิ่มเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงทำงาน
* ผลต่อระบบการย่อยอาหารเช่น เร่งการรักษาอาการที่เกิดกับกระเพาะอาหาร เพิ่มการขับถ่ายของต่อมบริเวณลำไส้ ต่อมกระเพาะและต่อมน้ำลาย การขับพิษ การรักษาการบาดเจ็บของตับ
* ต่อต้านภาวะที่เกี่ยวกับการสูงอายุขึ้น โดยจะเพิ่มปริมาณ SOD ลดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์
* ลดภาวะการบวมน้ำ
* ซ่อมแซมและรักษา โดยน้ำมันในเมล็ดช่วยสร้างเยื่อบุผิวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาการซ่อมแซมรักษา 3 ระดับคือ จากการไหม้ แผลและการเจ็บป่วยจากการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
* ผลต่อการเพิ่มความสามารถในการต้านทานความหนาว ต้านทานจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจนและต้านทานความอ่อนเพลีย
* ส่งเสริมและพัฒนาระบบการเผาผลาญ เสริมสร้างความเข้มแข็งทั้งทางกายภาพคือความสูงและทางด้านความฉลาดแก่เด็ก
ซีบัคธอร์นมีคุณค่าต่อทุกส่วนของร่างกาย เป็นทั้งยารักษาโรคและเป็นดั่งของขวัญที่มีคุณค่าทางนิเวศวิทยาและทางสังคม ซีบัคธอร์นเป็นพืชหายาก เป็นเสมือนราชาของพืชที่มีมนตร์ และเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดินจีน
* ควรอ่านและศึกษาตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์ หรือทานตามคำแนะนำของแพทย์ / เภสัชกร หรือนักโภชนาการ *
* หลังจากเปิดฝาผลิตภัณฑ์แล้ว ควรทานให้หมดภายใน 3-6 เดือน (เพื่อป้องกันการเสื่อมคุณภาพที่อาจเกิดจากกการเก็บรักษาและอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะยังไม่หมดอายุก็ตาม) *
หน้าที่เข้าชม | 16,681 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 11,907 ครั้ง |
เปิดร้าน | 1 ก.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |